อาการปวดหัวด้านหลังดวงตา: สาเหตุและการรักษา
อาการปวดหัวด้านหลังดวงตาเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เคยเป็นในบางช่วงของชีวิต อาการแสดงจะรวมถึงอาการปวดที่เริ่มจากโพรงไซนัสหรือด้านหลังดวงตา อาการปวดหัวอาจปวดตุบ ๆ คล้ายจังหวะชีพจรหรือไม่ก็ได้
เมื่อท่านมีอาการปวดหัวด้านหลังดวงตา ท่านต้องการจะบรรเทาอาการ ท่านต้องการคำตอบด้วย
อาการปวดหัวด้านหลังดวงตาเกิดจากอะไร ท่านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อลดอาการปวดนั้น อาการปวดหัวด้านหลังดวงตาเกิดจากปัญหาด้านการมองเห็นหรือไม่
มาดูคำถามสุดท้ายกันก่อนเลย
จักษุวิทยาลัยแห่งอเมริกา (AAO) ได้ให้นิยามคำว่า “อาการปวดด้านหลังดวงตา” ไว้ว่า"ความรู้สึกไม่สบายกายที่เกิดจากโรคตาหรือภาวะอื่น" แต่ AAO ก็กล่าวด้วยว่า"จุดที่ท่านรู้สึกปวดไม่อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงสาเหตุของอาการปวด"
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดหัวด้านหลังดวงตามักเป็นการปวดร้าวไปที่อื่น – นั่นคืออาการปวดที่รับรู้ได้ที่จุดอื่นที่มิใช่จุดต้นตอ การปวดร้าวไปที่อื่นพบได้บ่อยเนื่องจากร่างกายมีเครือข่ายของเส้นประสาทรับความรู้สึกที่เชื่อมโยงระหว่างกันซึ่งกระจายอยู่ในเนื้อเยื่อหลากหลาย
นายแพทย์มาร์ค กรีน ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาที่ Icahn School of Medicine at Mount Sinai Hospital ในเมืองนิวยอร์คกล่าวไว้ว่า “โครงสร้างเกือบทั้งหมดในศีรษะที่ไวต่อความเจ็บปวดสามารถส่งต่อความปวดไปยังบริเวณดวงตาได้” “การที่มีอาการปวดในดวงตามิได้แปลว่าปัญหาเกิดจากดวงตา” ที่จริงแล้ว ปัญหาที่มาจากดวงตามีน้อยมาก
นายแพทย์กรีนบอกด้วยว่ากฎอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์ที่ควรจำไว้คือถ้าส่วนขาวของตา (ตาขาว) ไม่แดงและไม่มีปัญหาด้านการมองเห็น เช่น ตามัวหรือเห็นภาพบิดเบี้ยว การปวดหัวนั้นก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกับปัญหาดวงตา
สาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดหัวด้านหลังดวงตา
ไมเกรน
การปวดหัวไมเกรนเป็นการปวดหัวที่ทำให้ผู้ป่วยทำงานไม่ได้ที่พบบ่อยที่สุด เป็นการปวดหัวเป็นพัก ๆ ที่ยาวนานได้ถึง 72 ชั่วโมงและมักปวดตุบ ๆ รุนแรงที่ข้างหนึ่งของศีรษะและอยู่ด้านหลังดวงตา การปวดหัวไมเกรนสามารถร้าวไปด้านหลังศีรษะได้ด้วย
อาการแสดงอื่นที่พบบ่อยของไมเกรน คือ คลื่นไส้ อาเจียนและไวต่อแสง กลิ่นและเสียง
นายแพทย์กรีนกล่าวว่า “ไมเกรนมาจากคำว่า ‘megrim’ ซึ่งหมายถึงอาการปวดหัวที่ทำให้ป่วย คนที่เป็นไมเกรนจะป่วย” “เราพูดถึงไมเกรนซึ่งมีความหลากหลาย เป็นการปวดหัวที่มีหลายชนิด รู้สึกได้แตกต่างกันแต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในขอบเขตของไมเกรน”
ความผิดปกติด้านการมองเห็นเช่นเห็นแสงวาบหรือเห็นรัศมีรอบดวงไฟซึ่งเรียกว่า อาการเตือนของไมเกรน ซึ่งอาจเกิดนำมาก่อนอาการปวดหัว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ของผู้ที่ปวดหัวไมเกรนไม่ค่อยมีอาการเตือนของไมเกรน
สิ่งกระตุ้นไมเกรนมีมากมาย รวมทั้งความเหนื่อยล้า ความเครียดทางอารมณ์ นอนไม่พอหรือนอนมากเกินไป การไม่ได้กินอาหารบางมื้อ แสงจ้าหรือแสงกระพริบ กลิ่นแรง เสียงดัง อาหารบางชนิดและการเปลี่ยนอุณหภูมิและความชื้น
ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างพันธุกรรมกับไมเกรนด้วย เนื่องจาก 70% ของผู้ที่ปวดหัวไมเกรนแจ้งว่ามีญาติสนิทอย่างน้อยหนึ่งคนมีประวัติไมเกรนด้วยเช่นกัน
ถ้ารู้ตัวเร็วพอว่าจะเป็นไมเกรน ก็อาจรักษาได้สำเร็จด้วยยาแก้ปวดที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ แต่ก็มียาหลายชนิดที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์สำหรับใช้ป้องกันเพื่อลดจำนวนการเกิดไมเกรนและลดอาการปวดเมื่อไมเกรนได้เกิดขึ้นแล้ว
การรักษาไมเกรนเรื้อรังและการป้องกันอาการปวดหัวด้านหลังดวงตาอาจจำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำทุกวัน
ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ (Cluster headaches)
ปวดหัวแบบคลัสเตอร์เป็นภาวะที่มีการปวดหัวไม่นานแต่ปวดมากโดยเป็นซ้ำหลายครั้งและบ่อย ๆ ช่วงที่ปวดหัวซ้ำ ๆ นี้อาจยาวนานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนแล้วจึงมีช่วงพักซึ่งจะไม่มีอาการปวดหัวเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
การปวดหัวแบบคลัสเตอร์มักเกิดอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจมีอาการเตือนและอาจเป็นได้นานถึงสามชั่วโมง อาการแสดงมีหลายอย่างรวมทั้งอาการปวดที่รุนแรงมาก (มักปวดหัวด้านหลังดวงตาหนึ่งข้าง) ซึ่งอาจร้าวไปยังส่วนอื่นของใบหน้า ศีรษะและคอ ตาแดงและบวมและมีน้ำตาไหลมาก
เชื่อกันว่าความผิดปกติในไฮโปธาลามัส (สมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของร่างกายที่สำคัญหลายอย่าง) อาจเกี่ยวข้องกับการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ การปวดหัวแบบคลัสเตอร์ด้านหลังดวงตาไม่มีสิ่งกระตุ้น (ที่เป็นที่ทราบกัน) และไม่มีการรักษา
การรักษาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์มุ่งไปที่การลดความรุนแรงของความปวด ลดช่วงการปวดซ้ำให้สั้นลงและป้องกันการปวดในอนาคต การรักษาด้วยออกซิเจน การฉีดยากลุ่ม triptans และยาชาเฉพาะที่เป็นทางเลือกของการรักษา
การติดเชื้อที่ไซนัส
ไซนัสเป็นโพรงอากาศในกระโหลกศีรษะ อยู่หลังจมูก หน้าผากและแก้ม – และหลังดวงตาด้วย การติดเชื้อของไซนัส (การอักเสบของไซนัส) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของการปวดรวมทั้งการปวดหัวด้านหลังดวงตา
บ่อยครั้งที่การปวดหัวไมเกรนถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็นการปวดหัวจากไซนัส การรักษาการปวดหัวจากไซนัสต้องมีการรักษาการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุด้วยยาปฏิชีวนะที่จ่ายโดยใช้ใบสั่งแพทย์และยาลดอาการคัดจมูก
ภาวะของดวงตาที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวด้านหลังดวงตา
ที่สุดแล้ว มีภาวะของดวงตาและปัญหาอื่นอีกหลายอย่างที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวด้านหลังดวงตา ซึ่งรวมทั้ง:
ต้อหิน
ต้อหินเป็นโรคตาที่มีผลต่อเส้นประสาทตาและทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นจากส่วนปลาย ตามัวความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับความมืดและรัศมีรอบดวงไฟ
ต้อหิน ชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า ต้อหินมุมปิดแบบเฉียบพลัน สามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และปวดหัวด้านหลังดวงตาอย่างรุนแรงได้ หากท่านมีอาการแสดงดังกล่าว ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที
ตาขาวอักเสบ
ตาขาวอักเสบเป็นการอักเสบรุนแรงของตาขาวหรือส่วนที่คลุมด้านนอกของดวงตา
สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือความผิดปกติแบบภูมิคุ้มกันต่อต้านเนื้อเยื่อตนเอง อาการแสดงมีทั้งอาการปวดหัวด้านหลังดวงตา ตาแดง น้ำตาไหลและตามัว รวมทั้ง การไวต่อแสง.
เส้นประสาทตาอักเสบ
เส้นประสาทตาอักเสบหรือการอักเสบของเส้นประสาทตามีความเกี่ยวข้องกับ การปวดตา หรืออาการปวดหัวด้านหลังดวงตา ตามัว สูญเสียการมองเห็นสี เห็นสิ่งที่ลอยไปมาคลื่นไส้และสูญเสียการมองเห็น
โรคเกรฟ (Graves disease)
โรคเกรฟ (Graves disease)เป็นความผิดปกติของตาแบบภูมิต้านเนื้อเยื่อตนเองที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ มีลักษณะตาโปน เปลือกตาร่น เคลื่อนไหวดวงตาได้น้อย ตาแดง การเห็นภาพซ้อน และสูญเสียการมองเห็น
ในบางกรณี โรคเกรฟยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวด้านหลังดวงตาได้ด้วย
เมื่อไรที่ต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตา
ถ้าท่านปวดหัวด้านหลังดวงตาผิดปกติ อย่าเสี่ยง: ขอให้ไปพบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตา ทันที
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ถ้าตาขาวของท่านมีสีเปลี่ยนไปหรือท่านมีอาการคลื่นไส้หรือมีปัญหาการมองเห็นที่เกี่ยวกับอาการปวดหัว สิ่งเหล่านี้เป็นอาการและอาการแสดงของการกำเริบของต้อหินอย่างเฉียบพลันที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้
ไมเกรน ปวดหัวแบบคลัสเตอร์หรืออย่างอื่นที่แย่ยิ่งกว่า ค้นดูว่าอาการปวดหัวด้านหลังดวงตาของท่านเกิดจากอะไร ค้นหา ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาใกล้ท่าน และนัดไปพบหรือพบทางออนไลน์
หน้าที่ตีพิมพ์ใน วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564